ฟ้าผ่าซ้ำต้นไม้ต้นเดิมสามครั้งกลางทุ่งนาบ้านโพธิ์ใต้ต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงสายของ วันอังคารราวสิบโมงกว่า ๆ
ตอนนั้นคนสิบกว่าคนกำลังหลบฝนอยู่ตรงชายดงใกล้ ๆ ทุ่งนาใหญ่บ้านโพธิ์ใต้
เป็นดงไม้เตี้ย ๆ ที่ชาวบ้านใช้หลบบ่อยเวลาฟ้ามืดกะทันหัน
กลางทุ่งมี ต้นยางนาเก่า สูงเกินสองคนโอบ
ลำต้นสีเข้ม แต่มีรอยฟ้าผ่าครั้งเก่าติดอยู่เป็นทางยาว
คนแถวนั้นเรียกมันว่า “ต้นผ่าเก่า”
เพราะเคยโดนมาหลายทีแล้ว แต่ก็ยังยืนอยู่เหมือนทนอะไรมากกว่าต้นอื่น
พอฝนเริ่มเทเม็ดขาว ๆ ลงมา
ทุกคนก็วิ่งเข้ามาหลบใต้ชายดงนี้กันเร่ง ๆ
พูดคุยกันไปพลาง มองฝนเป็นสาย ๆ ไปพลาง
ไม่มีใครคิดว่าอีกไม่กี่วินาทีต่อมา
เสียงที่ทำให้ “ขาแทบสั่น” จะดังขึ้นจนทุกคนหูอื้อไปพร้อมกัน
ฟ้าผ่าต้นไม้ให้หวย ชาวบ้านกว่า 10 ชีวิตเห็นฟ้าผ่าครั้งแรกต่อหน้า—เสียงดังจนพื้นสะเทือน
แรงฟ้าผ่าครั้งแรกดัง เหมือนมันผ่าตรงกลางหัวใจคนฟัง
เสียงดัง “เปรี้ยง!” แบบไม่ทันตั้งตัว
ต้นยางนาต้นเดิมโดนเต็ม ๆ จนเปลือกไม้กระเด็นออกมาเป็นเสี้ยว ๆ
นางพิมพ์ ผู้เฒ่าอายุราวเจ็ดสิบกว่า เล่าว่า
“ตอนแรกก็ตกใจเฉย ๆ นะ แต่จังหวะมันแรงแบบที่พื้นมันรู้สึกสั่นนิด ๆ เลย
พูดไม่ออกสักคนเดียว”
ทุกคนยืนเกาะกันแน่นใต้พุ่มไม้
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งชื่อบุญลือบอก
“ฟ้าแรงมาก แต่ก็นึกว่าแค่ทีเดียว มันก็เป็นธรรมดาฝนต้นฤดู…”
แต่เรื่องมันไม่หยุดแค่นั้น
เพราะในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ฟ้าลงอีกครั้ง
และลงที่เดิมเป๊ะ
ฟ้าผ่าครั้งที่สอง—ลงซ้ำจุดเดิมแบบไม่มีผิดเพี้ยนจนเริ่มมีคนขนลุก
ครั้งที่สองเสียงเบาลงนิดเดียว
แต่แสงฟ้ามันแรงจนเห็นลำต้นสีขาววาบไปทั้งแถบ
น้ำฝนที่เกาะอยู่บนใบไม้ถึงกับสะท้อนแสงวูบเหมือนมีคนเปิดแฟลชใส่
คนเฒ่าคนแก่เริ่มมองหน้ากัน
เพราะตามความเชื่อพื้นบ้าน
“ฟ้าไม่ค่อยลงที่เดิมติด ๆ กันสองที”
ต่อให้ลงได้ แต่นาน ๆ ทีจะเห็นแบบนี้
นางโสภา เล่าเสียงสั่นนิด ๆ ว่า
“เหมือนมันจงใจเลยนะ เอ็งดูสิ ลงตรงเดิมไม่ขยับไปไหนเลย
มันแปลกจนรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว”
เสียงลมตอนนั้นแรงพอให้กิ่งไม้สั่น
แต่มันกลับเงียบในระดับที่ทุกคนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
ฟ้าผ่าต้นไม้ให้หวย ฟ้าผ่าครั้งที่สามต่อหน้าต่อตา—จนคนเฒ่าเห็น “ลายบนต้นไม้คล้ายตัวเลขสองตัว”
หลังครั้งที่สอง
ไม่มีใครคิดว่าจะมีครั้งที่สาม
แม้แต่คนที่เชื่อเรื่องลางก็ยังคิดว่า “เออ…สองทีถือว่าแรงแล้ว”
แต่ในเวลาไม่ถึง สิบวินาที
ฟ้ามันกลับลงมาอีกครั้งแบบไม่มีการเตือน
ครั้งนี้แรงที่สุด สีแสงเกือบเป็นสีทอง
จังหวะเสียงเหมือนแตกเหนือหัว
คนที่ยืนหลบต้องย่อเข่าโดยไม่รู้ตัว
ตอนแสงจากฟ้าดับลง
รอยผ่าที่ต้นไม้สว่างขึ้นมาชั่วครู่
เหมือนแสงสะท้อนค้างไว้
ตรงเปลือกไม้ที่ไหม้เกรียม
เกิดรอยขีดคล้ายเลข 7 กับ 0
ลายมันไม่ใช่ตัวเลขแน่นอน
แต่รูปทรงมันทำให้คนแก่สองสามคนเริ่มมองหน้ากัน
ตาแคล้ว ซึ่งเป็นคนแก่ที่สุดในกลุ่มพูดเบา ๆ ว่า
“มันคล้ายเลขจริง ๆ นะ เอ็งลองเพ่งดูสิ
รูปมันไปทางนั้น…ไม่รู้ว่าเป็นลางดีหรือไม่ดี
แต่ทุ่งนี้มันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ข้าอยู่มา”
ชาวบ้านทุกคนเริ่มขนลุก
ไม่ใช่เพราะฟ้า
แต่เพราะความรู้สึกว่า
“มันมีเหตุที่ทำให้ฟ้าลงตรงนั้นซ้ำสามที”
ผู้เฒ่าบ้านโพธิ์ใต้ชี้เหตุการณ์แบบนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ—บางคนตีเป็นเลขตามลายบนรอยผ่า
หลังฝนซาลง
ทุกคนเดินออกมามองต้นไม้ใกล้ ๆ
รอยผ่าเก่าเหมือนถูกเปิดเพิ่ม
ลึกและชัดกว่าเดิมจนเห็นเนื้อไม้แห้ง ๆ ด้านใน
พอรวมลายทั้งหมดเข้าด้วยกัน
คนแก่ตีเป็นเลขต่างกันไป
บางคนว่าเหมือน 70
บางคนว่าเหมือน 10
บางคนว่าเหมือน 07
ไม่มีใครฟันธง
เพราะตามสไตล์ชาวบ้าน
“เลขมันจะไปของมันเอง ไม่ใช่คนไปลากมันให้เป็น”
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน
ชาวบ้านบางคนเลยลองนำเลขที่เห็นไปเทียบกับงวดที่ผ่านมา
และเปิดดูผลได้ที่หน้า /ตรวจผลสลาก/
เพื่อดูว่ามีความเกี่ยวข้องหรือเปล่า
หลายคนพูดคล้าย ๆ กันว่า
“มันอาจไม่ใช่ลางร้ายก็ได้…อาจเป็นแค่ธรรมชาติที่อยากให้เห็นอะไรบางอย่าง”
สรุปว่า
ฟ้าผ่าต้นไม้เดิมถึงสามครั้งต่อหน้าคนสิบกว่าชีวิต
เป็นเหตุการณ์ที่ทั้งน่ากลัวและน่าฉงนในเวลาเดียวกัน
รอยบนต้นไม้หลังโดนผ่าซ้ำทำให้บางคนเห็นเป็นรูปตัวเลข
บางคนไม่เห็นอะไรเลย นอกจากบอกว่า
“ธรรมชาติมันก็แปลกของมันแบบนี้”
แต่สำหรับคนบ้านโพธิ์ใต้
เหตุการณ์นี้คงถูกเล่าต่ออีกนาน
เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เจอกันทุกวัน
และใครที่สนใจตีตามความเชื่อของตัวเอง
ก็ลองดูผลย้อนหลังหรือเทียบเลขที่หน้า /ตรวจผลสลาก/
ตามวิถีที่ตัวเองเชื่อว่าจะพอช่วยเป็นแนวทางได้



