ทหารผ่านศึกถูกหวยทหารผ่านศึกถูกหวย

เลขบัตรทหารผ่านศึกพาโชคในวันกองทัพไทย

เช้าวันหนึ่งที่อากาศยังเย็นติดปลายลม นายสไวย อดีตทหารผ่านศึกผู้เคยยืนอยู่กลางสมรภูมิ เดินออกมาหน้าบ้านด้วยอารมณ์บางอย่างที่ตนเองก็อธิบายไม่หมด เขาบอกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตัวเลขบนบัตรทหารผ่านศึกที่เขาพกติดตัวมาตลอดหลายสิบปีมันถึงเด่นขึ้นมาในหัว เหมือนมีใครสักคนบอกให้หยิบมันกลับมาดูอีกครั้ง ทั้งที่เขาไม่ใช่คนเล่นหวยเป็นประจำ

“ตอนนั้นมันประหลาดมาก ผมมองเลขท้ายบนบัตรอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกเหมือนมันขยับในหัว เหมือนลอยออกมาให้เห็นชัด ๆ” นายสไวยเล่าเหมือนย้อนกลับไปในช่วงจังหวะนั้น สีหน้าเขายังนิ่งเหมือนคนเคยถูกฝึกมาให้ตั้งสติกลางเสียงปืน แต่ในน้ำเสียงกลับมีอะไรบางอย่างที่ดูอบอุ่นและแผ่วเบา เหมือนคนที่รู้สึกถึงสายใยบางชนิดที่ส่งมาจากโมเมนต์ไกล ๆ ในอดีต

เขาตัดสินใจเดินไปหาเพื่อนสนิทในชุมชน ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัยทหาร แล้วก็พูดขึ้นว่า
“เอ็งลองซื้อเลขท้ายตามบัตรประจำตัวของข้าดูสิ เผื่อจะมีอะไรดี ๆ ในวันกองทัพไทย”

เพื่อนของเขาหลายคนได้ยินประโยคนี้จริง บางคนยิ้มเงียบ ๆ บางคนก็คิดว่าเป็นเพียงคำชวนเล่น ๆ จากคนที่เคยผ่านเหตุการณ์ใหญ่ในชีวิต จนบางทีความทรงจำก็ประหลาดขึ้นเป็นบางวัน แต่ก็มีหลายคนที่เชื่อเพราะนายสไวยไม่ใช่คนพูดอะไรลอย ๆ โดยไม่มีเหตุผล

เลขบัตรทหารผ่านศึกพาโชค

ทหารผ่านศึกถูกหวย ความทรงจำจากสมรภูมิและตัวเลขที่ผูกติดอยู่กับชีวิต

นายสไวยเล่าว่า เลขท้ายสองตัวนั้นคือเลขที่เขามองเห็นนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่สมัยที่ยังประจำการอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ทุกครั้งที่ต้องหยิบบัตรขึ้นมาเช็กหรือยืนยันตัวตน เขามักจะมองตัวเลขเดิมซ้ำ ๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต

เขาบอกว่า “เลขนี้อยู่กับผมทั้งช่วงที่ลำบากและช่วงที่คิดว่าจะไม่ได้กลับบ้านด้วยซ้ำ พอใกล้วันกองทัพไทย เลยรู้สึกเหมือนมันมีสัญญาณอะไรบางอย่าง”

ในวันนั้นเขาเดินไปที่ร้านขายลอตเตอรี่เล็ก ๆ ในชุมชน เลือกเลขท้ายสองตัวตามที่อยู่บนบัตรทหารผ่านศึกใบเดิมที่สีเริ่มซีดจางไปตามกาลเวลา ไม่ได้กดดัน ไม่ได้หวังอะไรพิเศษ แค่ทำตามความรู้สึกคล้ายเสียงกระซิบข้างในใจ

คนขายลอตเตอรี่ยังบอกว่า “พี่สไวยไม่ค่อยซื้อเท่าไหร่ วันนั้นเห็นหยิบบัตรขึ้นมาดูหลายรอบ ผมก็แอบรู้สึกว่าพี่เขามีอะไรมากกว่าแค่ซื้อตามใจ”

ในคืนนั้นเอง นายสไวยยอมรับว่าเขานอนไม่หลับเท่าไร ไม่รู้ว่าตื่นเต้นหรือเพราะอากาศเงียบจนเสียงลมหายใจของตัวเองยังฟังดูชัด เขาบอกเพื่อนว่าเหมือนมันมีบางอย่างกำลังกระตุกความทรงจำเก่า ๆ ขึ้นมา ทั้งช่วงที่ต้องก้มหลบแรงระเบิด ทั้งเสียงเพื่อนร่วมรบที่ยังติดอยู่ในหัวแม้ผ่านมาหลายปี

ผลสลากและจังหวะที่หัวใจเต้นแรงอีกครั้ง

ช่วงบ่ายวันประกาศผล นายสไวยกำลังนั่งซ่อมของใช้ในบ้านแบบคนที่ชินกับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อไม่ให้ใจว่างเกินไป ทันทีที่เพื่อนโทรเข้ามา พร้อมพูดแค่ประโยคสั้น ๆ
“เอ็งดูผลสิ… มันออกเลขบัตรเอ็งจริง ๆ”

เขายืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินช้า ๆ ไปหยิบบัตรที่วางอยู่บนชั้นไม้ แล้วเทียบกับผลสลากที่เพื่อนส่งให้ดู ตัวเลขมันตรงกันทุกตัว ตรงแบบไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องคิดอะไรเพิ่ม

นายสไวยยอมรับว่า ตอนนั้นรู้สึกเหมือนหัวใจกลับมาเต้นแรงแบบสมัยที่ยังอยู่ในสนามรบ เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นความดีใจที่เขาบอกว่า “มันเหมือนคนบนฟ้าส่งสัญญาณบางอย่างมาให้”

เพื่อนหลายคนที่เคยถูกเขาชวนให้ซื้อตามก็ยืนยันตรงกันว่า นายสไวยพูดจริง พวกเขาได้ยินด้วยหูของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งมาแต่งขึ้นหลังถูกหวย

“เขาบอกเราให้ซื้อเลขนี้จริง ๆ ตอนนั้นยังถามด้วยว่า ทำไมถึงมั่นใจขนาดนั้น เขาก็บอกว่าไม่รู้ แค่รู้สึกว่าต้องซื้อในวันกองทัพไทย” หนึ่งในเพื่อนสนิทเล่าแบบหัวเราะเบา ๆ

บางคนบอกว่าเหมือนโชคของนายสไวยมันผูกอยู่กับหมายเลขนั้นตั้งแต่วันแรกที่เขาสวมเครื่องแบบ และหลายคนก็ยังรู้สึกว่าเหตุการณ์นี้อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญทั้งหมด

ทหารผ่านรับโชคในวันกองทัพไทย

ทหารผ่านศึกถูกหวย ความเชื่อ ความรู้สึก และคำที่ยังค้างอยู่ในใจ

เมื่อถามว่านายสไวยคิดว่าอะไรทำให้ตัวเลขนี้ให้โชค เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบว่า
“ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน อาจเป็นเพราะมันผูกอยู่กับชีวิตผมนานมาก หรืออาจเพราะวันกองทัพไทยมันทำให้นึกถึงหลายอย่างที่ผ่านมาจนรู้สึกว่าเลขนี้จะพาอะไรบางอย่างกลับมา”

น้ำเสียงของเขาตอนเล่าดูนิ่งแต่ลึก เหมือนคนที่เคยเจอเรื่องลึกกว่าคำบอกเล่า เขาไม่ได้บอกว่าตัวเลขศักดิ์สิทธิ์ หรือเป็นนิมิต แต่เขาใช้คำว่า
“มันเหมือนเป็นเรื่องระหว่างผมกับมันมากกว่า”

เพื่อนบางคนก็พูดทำนองเดียวกันว่า
“คนเรามีเลขที่ผูกอยู่กับชีวิตจริง ๆ บางเลขเห็นบ่อยจนเหมือนตามหลอก บางเลขก็อยู่กับเราจนกลายเป็นเพื่อนเหมือนเงา”

เรื่องราวของนายสไวยจึงไม่ได้เป็นเพียงข่าวถูกหวย แต่เป็นเหมือนภาพบางอย่างของชีวิตทหารที่ผ่านทั้งชีวิต ทั้งความเจ็บปวด และช่วงเวลาที่ทำให้เขารู้ว่าตัวตนของเขามีความหมายไม่แพ้ใคร

คลิกรับโชคเพิ่ม

บทสรุปของโชคและชีวิตที่ยังเดินหน้าต่อ

ตอนท้ายของเรื่องนี้ นายสไวยไม่ได้บอกว่าจะซื้อเลขเดิมซ้ำในงวดต่อไปหรือไม่ เขาเพียงยิ้มและพูดว่า
“ผมว่าครั้งนี้พอแล้ว มันเหมือนของขวัญในวันที่ผมไม่คิดว่าจะได้มากกว่า”

เพื่อน ๆ รอบตัวต่างยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง และคำชวนให้ซื้อเลขก็เป็นคำที่เขาพูดตั้งแต่ก่อนประกาศผลเสียด้วยซ้ำ ไม่ใช่คำอวดหรือแต่งเติม

เรื่องนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเรื่องเล่าของคนในชุมชน ที่ผสานทั้งความทรงจำ ความผูกพันกับตัวเลข และความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้จนเหมือนมีชั้นหมอกบาง ๆ ปกคลุมอยู่

และสำหรับใครที่อยากตรวจผลสลากย้อนหลังหรือผลล่าสุด สามารถเข้าไปดูได้ที่
/ตรวจผลสลาก/

By Ly Pop

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ทันข่าวใหม่ ใส่ใจรายละเอียด ไม่พลาดทุกชั่วโมง