น้าโย่งวัย 44 ทำโรงน้ำตาลปึก เล่าประสบการณ์เจ้าเฝ้าสวนตาล แนะให้ทำบุญแล้วมีโชคใหญ่
น้าโย่ง หนุ่มใหญ่วัย 44 ปี เจ้าของโรงน้ำตาลปึกเลิศรสชื่อดัง เปิดเผยว่า ครอบครัวของตนทำอาชีพนี้มานานกว่า 38 ปีแล้ว ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าที่ริเริ่มต้มตาลเคี่ยวจนเป็นน้ำตาลปึก กลายเป็นสินค้าที่ขายดีไปทั่วประเทศ
“ผมโตมากับกลิ่นควันไฟและหม้อต้มใหญ่ ๆ ตอนเด็กยังวิ่งเล่นแถวสวนตาล พอโตมาก็สืบต่อกิจการ ครอบครัวเราถือว่านี่คือของที่บรรพบุรุษฝากไว้” น้าโย่งเล่า

ประสบการณ์เจ้าที่เฝ้าสวนตาล
สิ่งที่ทำให้คนในชุมชนพูดถึงคือ “เจ้าเฝ้าสวนตาล” ที่เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณผู้คุ้มครองต้นตาลและน้ำตาลปึก
น้าโย่งเล่าว่า “ตั้งแต่สมัยปู่ย่า ท่านก็เล่าให้ฟังว่ามีเจ้าที่คอยดูแล ใครทำไม่ดี หรือเบียดเบียนสัตว์ในสวนมักจะเจอเรื่องไม่คาดคิด แต่ถ้าใครทำบุญ รักษาศีล ไม่เบียดเบียน จะเจอแต่เรื่องดี”
คำแนะนำจากเจ้าที่
น้าโย่งยังบอกอีกว่า เคยมีประสบการณ์เหมือนเจ้าที่มาเตือนในความฝัน ให้หมั่นทำบุญ ถวายทาน และละเว้นการฆ่าสัตว์ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ
“ในฝันชัดมาก มีเสียงบอกว่า ถ้าอยากให้กิจการก้าวหน้า ต้องไม่ลืมทำบุญและไม่ฆ่าสัตว์ ผมเลยตั้งจิตทำตาม และไม่น่าเชื่อว่าตั้งแต่นั้นมาการค้าขายดีขึ้นจริง ๆ”

ความเชื่อที่ยังคงอยู่
ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านต่างยืนยันตรงกันว่า สวนตาลเป็นพื้นที่ที่มีวิญญาณบรรพบุรุษคอยดูแล การได้โชคหรือความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะทำงานหนักเท่านั้น แต่ยังเป็นผลบุญและแรงศรัทธาที่สืบต่อมา
ยายละไม วัย 72 ปี บอกว่า
“สมัยก่อนก็มีคนเล่าเหมือนกัน ใครเอาเปรียบคนอื่นหรือทำร้ายสัตว์ในสวน มักอยู่ไม่ได้ แต่ครอบครัวน้าโย่งทำตามคำสอนมาตลอด เลยอยู่ดีมีสุข”
สรุปว่า
เรื่องเล่าของน้าโย่งและเจ้าเฝ้าสวนตาล จึงกลายเป็นอีกหนึ่งตำนานร่วมสมัย ที่สะท้อนความเชื่อและศรัทธาของคนในชุมชน ว่า การทำบุญ ละเว้นการเบียดเบียน และซื่อสัตย์ต่ออาชีพ คือกุญแจสำคัญในการทำให้กิจการรุ่งเรือง
และสำหรับน้าโย่งแล้ว ทุกก้อนน้ำตาลปึกไม่ใช่แค่ของหวาน แต่ยังเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงคำสอนจากบรรพบุรุษและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เฝ้ามองอยู่เสมอ